ย้อนรอย 20 ที่มาและความหมายจาก 20 บทเพลงพระราชนิพนธ์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรีเป็นพิเศษ โดยท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นนักดนตรีแจ๊สที่มีอัจฉริยภาพสูงส่ง และทรงแต่งเพลงเองได้ทุกหน ทุกแห่ง บางครั้งแทบไม่ต้องใช้เครื่องดนตรีช่วยเลย วันนี้ทาง Undubzapp ขอรวบรวมบทเพลงพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมที่มา ความหมายสั้นๆ เพื่อให้ทุกท่านได้ประจักษ์ถึงอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านที่มีต่อดนตรีค่ะ

 

แสงเทียน หรือ Candle Light Blue

ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุยเดช

คำร้อง : รองศาสตราจารย์ สดใส พันธุมโกมล

ทรงแต่งทำนองตั้งแต่มีพระชนมายุได้เพียง 18 พรรษาเท่านั้น ที่ได้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย แต่ยังไม่โปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้เผยแพร่ เพราะจะทรงแก้ไขทำนอง และคอร์ดบางตอน จึงเผยแพร่ได้ในเวลาต่อมา โดยได้รองศาสตราจารย์ สดใส พันธุมโกมล ประพันธ์คำร้องภาษาอังกฤษ โดยจะเป็นคำร้องที่บ่งบอกถึงความรัก ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาและความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่อยู่ห่างจากคนรัก ซึ่งเป็นคำร้องที่แสดงถึงอารมณ์อาลัยรัก (Romantic Emotion Love)

ยามเย็น หรือ Love at Sundown

ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุยเดช

คำร้อง : พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

เพลงพระราชนิพนธ์ที่ได้พระราชทานให้ให้ครูเอื้อ สุนทรสนาน บรรเลงในงานของสมาคมปราบวัณโรค ที่ เวทีลีลาศ สวนอัมพร ในปี 2489 เนื้อร้องที่เปรียบความรักที่มีทั้งสุขและเศร้า แต่ความรักก็ยังเป็นสิ่งสวยงามเสมอ เป็นเพลงจังหวะสนุกๆ เปี่ยมความหมายดีๆ ที่ประชาชนนิยมชมชอบนำไปเต้นรำกันในสมัยนั้น

สายฝน หรือ Falling Rain

ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุยเดช

คำร้อง : พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

เพลงจังหวะวอลทซ์ มีลีลานุ่มนวล ใช้เวลาทั้งแต่งและเรียบเรียงนานร่วม 6 เดือน เป็นเพลงที่ฟังไพเราะแต่เปี่ยมด้วยความหมายเชิงปรัชญาอย่างลึกซึ้งถึงสายฝนจากที่อยู่ในระดับสูง เป็นสิ่งที่มีคุณธรรมจริยธรรม แต่สุดท้ายก็สายฝนก็ยังตกลงมาสู่พื้นดินร่วมกับชาวบ้าน ให้เกิดพลังใจให้ต่อสู้กับความยากลำบากด้วยวิริยะอุตสาหะ นี่จึงไม่ใช่เป็นน้ำฝนธรรมดา แต่เป็นน้ำฝนที่มีคุณค่าแก่แผ่นดินไทย

 

ใกล้รุ่ง หรือ Near Dawn

ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุยเดช

คำร้อง : พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ร่วมกับ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร

เพลงเพราะๆ ฟังสบายที่นำออกบรรเลงครั้งแรกในวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ในปี 2489 แฝงความหมายถึงการให้กำลังใจในเวลาที่มืดมิดที่สุด คือเวลาที่ใกล้รุ่ง ใกล้สว่างแล้ว เพื่อให้คนไทยเราไม่ละทิ้งความพยายามและใช้ชีวิตไปข้างหน้าอย่างมีความหวังอยู่เสมอ

 

ชะตาชีวิต หรือ M.Blues

ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุยเดช

คำร้อง : พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ร่วมกับ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร

เพลงแรกที่ทรงพระราชนิพนธ์หลังเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ โดย H.M.Blues ที่ย่อมาจาก Hungry’s Men’s Blues นักดนตรีผู้หิวโหยกับคนฟังที่อิ่มหนำสำราญ แต่ในเวอร์ชั่นภาษาไทย เนื้อร้องจะพรรณาความทุกข์ของคนไร้ซึ้งทุกสิ่งหวังว่า “สักวันบุญมาชะตาคงดี” และราชาผู้นี้นี่แหละ ที่เป็นความหวังในประชาชนทุกคนได้พบชะตาชีวิตที่ดีขึ้นในทั่วทุกสารทิศ

 

ดวงใจกับความรัก หรือ Never Mind The Hungry Men’s Blues

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในลักษณะ Swing Composition ฟังรื่นรมย์เสนาะหู โดยความหมายกล่าวถึงธรรมชาติ โดยเฉพาะแสงสว่างจากดวงดาว ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ ดวงดาวและดวงจันทร์เหมือนกับอารมณ์มนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงได้ แต่ที่ยั่งยืนมั่นคงคือดวงอาทิตย์ซึ่งเปรียบได้กับดวงใจที่เปี่ยมด้วยความรัก

มาร์ชราชวัลลภ หรือ Royal Guards March

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พันตรี ศรีโพธิ์ ทศนุต

เพลงนี้คงคุ้นหูกันดีกับข่าวในพระราชสำนัก ซึ่งจริงๆ แล้วเพลงนี้มีเนื้อร้องที่ปลุกใจ ให้กำลังใจแก่เหล่าทหารทุกเหล่าทัพฮึกเหิมเพื่อปกป้องบ้านเมืองแผ่นดินไทยมิให้ใครกล้ารุกราน โดยท่านได้พระราชทาน ให้เป็นเพลงประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อไว้ใช้ในพิธีสวนสนาม

 

อาทิตย์อับแสง หรือ Blue Day

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลงนี้ ในช่วงเวลาที่ทรงเริ่มรู้จักชอบพอกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเมื่อยังทรงเป็น ม.ร.ว. สิริกิติ์ กิติยากร ซึ่งความหมายกล่าวถึงความรักเปรียบเทียบกับธรรมชาติ ยามที่ได้อยู่เคียงคู่กัน ท้องฟ้าก็ดูสดใส แต่ยามไกลกัน ดั่งพระอาทิตย์อับแสง

 

เทวาพาคู่ฝัน หรือ Dream of Love Dream of You

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

เป็นเพลงเนื้อเรื่องต่อจากเพลง “อาทิตย์อับแสง” โดยทั้งความรักที่มีต่อกันของทั้ง 2 พระองค์ ที่ต่างประทับห่างไกลกันแต่ยังคงเฝ้าคิดถึงกันเสมอ จนเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2492 หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ทรงขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ Blue Day และ Dream of Love Dream of You หลังพระกระยาหารค่ำ ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานพระธำมรงค์หมั้นในวันนั้น

 

คำหวาน หรือ Sweet Words

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

เป็นเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในระยะแรกที่เสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนครเมื่อพ.ศ. 2493 ที่มีจังหวะรุกเร้าและค่อนข้างจะเร็วมากกว่าเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับก่อนๆ ซึ่งมีอารมณ์เพลงหวานๆ เศร้าๆ ในลีลาที่ไม่เร็วนัก เนื้อหากล่าวถึงความไพเราะของบทเพลงที่รำพันถึงความรักเหมือนกัน แต่ในภาษาอังกฤษเจาะจงกล่าวกับคนรักโดยตรงมากกว่า โดยมีน้ำเสียงวอนขอให้ร้องเพลงรักต่อไปหากรักจริง

Advertisements

 

มหาจุฬาลงกรณ์

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ร่วมกับ นายสุภร ผลชีวิน

นับว่าเป็นเพลงประจำสถาบัน ที่นิสิตจุฬาฯภาคภูมิใจมากที่สุด เพื่อเป็นเกียรติภูมิให้แก่ชาวจุฬาฯ ทุกคน ที่ยังคงตระหนักถึงเกียรติภูมิของสถาบัน และชีวิตอันร่มเย็นในรั้วจามจุรีแห่งนี้ อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย และได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ได้ร่ำเรียนมา พัฒนาประเทศให้สมกับเป็นปัญญาชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

แก้วตาขวัญใจ

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในจังหวะวอลทซ์เพลงที่ 3 ต่อจาก สายฝน และ เทวาพาคู่ฝัน เพลงเนื้อหาไพเราะจังหวะจะโคน สัมผัสอย่างกลอนสุภาพ แสดงความรู้สึกอารมณ์เศร้าในการคร่ำครวญถึงความรักที่จากไปไกล แต่ด้วยจังหวะวอลทซ์ก็ช่วยทำให้สีสันของเพลงนุ่มนวลขึ้น

 

 พรปีใหม่

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อเสด็จนิวัตพระนครและประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานพรปีใหม่แก่พสกนิกรด้วยบทเพลง นำออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทย ในวันปีใหม่ปี 2495 นับเป็นบทเพลงที่มีความสนุกสนานรับปีใหม่ที่กำลังเข้ามาอย่างมีความสุขเกษมเปรมปรีดิ์

 

ยิ้มสู้ หรือ Smiles

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

เป็นเพลงพระราชนิพนธ์แต่งขึ้นเพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจคนตาบอด โดยพระราชทานให้บรรเลงในงานสมาคมช่วยคนตาบอดในพระบรมชูปถัมภ์ ปี 2495 ณ เวทีลีลาศ สวนอัมพร แม้โลกจะมืดมิดสักเพียงใด แต่ถ้ามีหัวใจที่สว่างก็ขอให้ยิ้มสู้เข้าไว้ แล้วความสุขก็จะเกิดขึ้นเอง

 

มาร์ชธงไชยเฉลิมพล หรือ The Colours March

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานแก่กองทัพไทย เพื่อใช้ในการเชิญธงไชยเฉลิมพลในพิธีการของกองทัพ เพลงนี้จะเล่นได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุญาตจากสำนักพระราชวังเท่านั้น นับเป็นเพลงที่หาฟังแบบสดๆ ได้ยากเป็นอย่างยิ่ง

ค่ำแล้ว หรือ Lullaby

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ประพันธ์

บทเพลง Lullaby กล่อมนอนที่มีทำนองหวานเย็น ที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงฟังเพลงนี้ทีไรทรงหลับทุกครั้ง เมื่อตอนที่ท่านนั้นเพิ่งประสูติ นอกจากกล่อมให้หลับ ยังแฝงความหมายดีๆ อย่างการสัญญาว่าเมื่อรุ่งอรุณจะได้ “rise and play” และยังขอพรให้ “Guardian Angel” เฝ้าดูแลระหว่างหลับอีกด้วยด้วย

 

ไกลกังวล หรือ When

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

เพลงนี้ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองขณะประทับอยู่ที่วังไกลกังวล ใช้บรรเลงเป็นเพลงสุดท้ายก่อนเลิกเล่นดนตรี เพลงฟังสบายผ่อนคลายไกลกังวลสมชื่อเพลง ให้อารมณ์ถึงการพักผ่อนริมทะเลจึงเป็นที่มาของชื่อพระราชวัง “ไกลกังวล” อำเภอหัวหิน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใช้ในการแปรพระราชฐานมาพักริมทะเลอยู่บ่อยครั้ง

 

แสงเดือน หรือ Magic Beams

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

เพลงพระราชนิพนธ์ที่มีลีลาชดช้อย อ่อนหวาน สง่างาม เหมาะสำหรับประกอบการ เต้นบัลเล่ต์ จึงได้พระราชทานให้อัญเชิญไปประกอบ การแสดงบัลเล่ต์ ในงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพลงฟังสบายเพลินสนุก ซึ่งพรรณาถึงความงดงามของพระจันทร์เต็มดวงที่สาดส่องให้มวลประชาชนให้ความหวังในยามค่ำคืน

 

แผ่นดินของเรา หรือ Alexandra

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

ทรงพระราชนิพนธ์โอกาสที่เจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเคนท์ สหราชอาณาจักรเสด็จเยือนประเทศในปี 2502 พระองค์ทรงประพันธ์ทำนองระหว่างรอเครื่องบินลงจอดภายในไม่กี่นาที และได้มีการเพิ่มเนื้อเพลงในภายหลังเป็นแนวเพลงปลุกใจให้รักชาติบ้านเมือง เตือนสติมิให้ท้อถอยในการทำความดี เพราะบ้านเมืองขณะนั้นยุ่งอลเวง น่าเป็นห่วงอนาคตของประเทศชาติ

 

เราสู้

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: นายสมภพ จันทรประภา

ทรงเกิดแรงบันดาลพระราชหฤทัยที่จะทรงพระราชนิพนธ์เพลง เราสู้  โดยทรงเขียนเส้นโน้ตห้าเส้น บนซองจดหมายแล้วทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลงออกมาโดยฉับพลันพระราชทานให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ทหาร อาสาสมัครและตำรวจชายแดน ท่วงทำนองของบทเพลงมีลีลาอารมณ์ที่จริงจังหนักแน่น เร้าใจให้รู้สึกรักชาติ ขณะขับร้องต้องเปล่งเสียงคึกคัก เข้มแข็ง บางครั้งก็ถูกใช้บรรเลงในงานรื่นเริง พิธีเปิดกีฬาต่างๆ

CR : web.ku.ac.th , oknation , fungjaizineมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช

Advertisements

Advertisements

Advertisements